วิเคราะห์ฟุตบอล เอฟเอคัพ ระหว่าง บอร์นมัธ เอเอฟซี พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เกมเอฟเอ คัพ รอบนี้ น่าสนใจไม่น้อย "เดอะ เชอร์รี่ส์" บอร์นมัธ เอเอฟซี แม้จะอยู่ในอันดับกลางตารางพรีเมียร์ลีก แต่ฟอร์มช่วงหลังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเกมในบ้านที่สะกดคำว่าชนะไม่เป็นมาหลายนัด ต้องการชัยชนะเพื่อเรียกความมั่นใจกลับมา ส่วน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยักษ์ใหญ่ที่ฟอร์มระยะหลังมีแกว่งให้เห็นอยู่บ้าง โดยเฉพาะเกมนอกบ้าน และมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บรบกวนหลายตำแหน่ง แต่ก็ยังต้องการความสำเร็จในบอลถ้วยเพื่อกู้สถานการณ์และรักษามาตรฐานทีมระดับท็อปเอาไว้ การเข้ารอบต่อไปคือเป้าหมายเดียวของทั้งสองทีม

การพบกันครั้งล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 (ตามข้อมูลที่ระบุวันที่) เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกไปเฉือนชนะ บอร์นมัธ ได้ 1-0 อย่างไรก็ตาม หากดูจากข้อมูล H2H ที่ให้มา มีความขัดแย้งเรื่องผลนัดล่าสุด (ซึ่งระบุว่า บอร์นมัธ ชนะ 2-1 ในเดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นไปไม่ได้และน่าจะผิดพลาด) แต่โดยภาพรวมสถิติการเจอกันที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ข่ม บอร์นมัธ มิดเลยทีเดียว ชัยชนะส่วนใหญ่แทบจะทั้งหมดตกเป็นของฝั่งเรือใบสีฟ้า ไม่ว่าจะเล่นในบ้านหรือนอกบ้าน บอร์นมัธ หาทางเอาชนะซิตี้ได้ยากเย็นแสนเข็ญ สถิติที่ระบุว่า บอร์นมัธ แพ้ 9 จาก 10 เกมหลังสุดที่เจอกัน ยืนยันความเหนือกว่าของซิตี้ได้เป็นอย่างดี และมักจะเป็นเกมที่ยิงประตูกันเยอะ โดย 8 จาก 10 เกมหลังสุด มีประตูรวมเกิน 2.5 ประตู 

• 

  2 - 1

  
  บอร์นมัธ เอเอฟซี

  แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  พรีเมียร์ลีก 2024-11-02
• 

  0 - 1

  
  บอร์นมัธ เอเอฟซี

  แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  พรีเมียร์ลีก 2024-02-25
• 

  6 - 1

  
  แมนเชสเตอร์ ซิตี้

  บอร์นมัธ เอเอฟซี
  พรีเมียร์ลีก 2023-11-04
• 

  1 - 4

  
  บอร์นมัธ เอเอฟซี

  แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  พรีเมียร์ลีก 2023-02-26
• 

  4 - 0

  
  แมนเชสเตอร์ ซิตี้

  บอร์นมัธ เอเอฟซี
  พรีเมียร์ลีก 2022-08-13
• 

  2 - 1

  
  แมนเชสเตอร์ ซิตี้

  บอร์นมัธ เอเอฟซี
  อีเอฟแอลคัพ 2020-09-25
• 

  2 - 1

  
  แมนเชสเตอร์ ซิตี้

  บอร์นมัธ เอเอฟซี
  พรีเมียร์ลีก 2020-07-16
• 

  1 - 3

  
  บอร์นมัธ เอเอฟซี

  แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  พรีเมียร์ลีก 2019-08-25
• 

  0 - 1

  
  บอร์นมัธ เอเอฟซี

  แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  พรีเมียร์ลีก 2019-03-02
• 

  3 - 1

  
  แมนเชสเตอร์ ซิตี้

  บอร์นมัธ เอเอฟซี
  พรีเมียร์ลีก 2018-12-01

อันโดนี่ อิราโอล่า นายใหญ่ของ บอร์นมัธ กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในแนวรับ เกมนี้จะไม่มี ดีน ฮุยเซน และ มิลอส เคอร์เคซ สองกองหลังตัวหลักที่ติดโทษแบน (อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติม) รวมถึงลิสต์ผู้เล่นบาดเจ็บอย่าง เอเนส อูนาล, อดัม สมิธ, ฮูเลี่ยน อาเราโฮ่, มาร์กอส เซเนซี และ หลุยส์ ซินิสเตอร์รา ทำให้การจัดทัพมีข้อจำกัดอย่างมาก ฟอร์มล่าสุด บอร์นมัธ เอเอฟซี อันดับ 10 (พรีเมียร์ลีก) เกมล่าสุด แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก ฟอร์มล่าสุด ฟอร์ม 6 เกมล่าสุด ชนะ 1 เกม เสมอ 2 เกม แพ้ 3 เกม สถิติน่ากังวลคือ ไม่ชนะใครมา 5 เกมติดต่อกันในทุกรายการ เสียประตูต่อเนื่อง 6 เกมติด และผลงานในบ้านย่ำแย่ ไม่ชนะใคร 4 เกมซ้อน (และข้อมูลระบุว่าแพ้ 4 เกมรวดในบ้าน?) การเสียประตูง่ายเป็นปัญหาหลัก แม้เกมรุกจะยังพอผลิตสกอร์ได้บ้าง (ยิงได้ 8 จาก 10 เกมหลังสุด) คาดว่า อิราโอล่า จะยังคงยึดระบบ 4-2-3-1 แม้จะมีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่น โดยจะเน้นเกมรับให้แน่นขึ้นและรอสวนกลับเร็ว

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม (4-2-3-1): ผู้รักษาประตู: เนโต้ กองหลัง: เจมส์ ฮิล, อิลเลีย ซาบาร์นยี่, คริส เม็ฟฟัม, ดันโก้ วาตตาร่า กองกลางตัวรับ: ลูอิส คุ้ก, ไทเลอร์ อดัมส์ กองกลางตัวรุก: อองตวน เซเมนโย่, ไรอัน คริสตี้, มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ กองหน้า: โดมินิก โซลันกี้ 

เปป กวาร์ดิโอลา ยอดกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีเรื่องให้ปวดหัวไม่น้อย โดยเฉพาะปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บในแนวรับและแดนกลางคนสำคัญ ข้อมูลระบุว่า ออสการ์ บ็อบบ์, มานูเอล อาคานจี, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้, แอแดร์ซง โมไรส์ และ โรดริโก้ เอร์นานเดซ ต่างมีอาการบาดเจ็บทั้งหมด ทำให้ต้องมีการปรับทัพพอสมควร ฟอร์มล่าสุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 5 (พรีเมียร์ลีก) เกมล่าสุด เสมอ ไบรท์ตัน 2-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก ฟอร์มล่าสุด ฟอร์ม 6 เกมล่าสุด ชนะ 2 เกม เสมอ 1 เกม แพ้ 3 เกม แม้จะเพิ่งชนะในเอฟเอ คัพ รอบก่อนหน้า แต่ฟอร์มโดยรวมในลีกและบอลยุโรป (ตามข้อมูล) มีสะดุด ไม่ชนะใครมา 2 เกมติด และเสียประตูมา 3 นัดรวด ผลงานเกมเยือนก็ไม่แน่นอน แพ้ถึง 4 จาก 6 เกมเยือนหลังสุด อย่างไรก็ตาม เกมรุกยังคงอันตราย ยิงได้ 8 จาก 10 เกมหลังสุด และมักจะยิงเยอะ (สกอร์รวมเกิน 2.5 ประตู 7 จาก 10 เกม) เปป

น่าจะยังใช้ระบบถนัด 4-2-3-1 เน้นการครองบอลและสร้างสรรค์เกมรุกเข้าใส่ แม้จะมีตัวหลักเจ็บไปหลายคน แต่ขุมกำลังสำรองก็ยังเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม (4-2-3-1): ผู้รักษาประตู: สเตฟาน ออร์เตก้า กองหลัง: ริโก้ ลูอิส, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เซร์คิโอ โกเมซ กองกลางตัวรับ: มาเตโอ โควาชิซ, มาเตอุส นูเนส กองกลางตัวรุก: ฟิล โฟเดน, เควิน เดอ บรอยน์, เจเรมี โดคู กองหน้า: อาลิง โฮลัน 

บอร์นมัธ ในฐานะเจ้าบ้าน ต้องการพลิกสถานการณ์ฟอร์มอันย่ำแย่ และการขาดแนวรับตัวหลักถึงสองคนทำให้งานหนักอึ้ง พวกเขาคงมาเน้นเกมรับที่รัดกุม แพ็คเกมให้แน่นในแดนกลาง แล้วอาศัยความเร็วของ อองตวน เซเมนโย่, มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ และความเฉียบคมของ โดมินิก โซลันกี้ ในการโจมตีเร็ว ซึ่ง โซลันกี้ ถือเป็นคีย์แมนสำคัญในการจบสกอร์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้จะมีปัญหาตัวผู้เล่นบาดเจ็บเยอะ แต่คุณภาพโดยรวมยังเหนือกว่าชัดเจน เปป กวาร์ดิโอลา ต้องการชัยชนะเพื่อเรียกโมเมนตัมกลับคืนมา ทีมจะเดินหน้าครองบอลบุกตามสไตล์ ใช้การผ่านบอลอันชาญฉลาดของ เควิน เดอ บรอยน์ เป็นหัวใจในการสร้างสรรค์เกม และมี อาลิง โฮลัน คอยสังหารในแดนหน้า ซึ่งจะเป็นตัวอันตรายที่สุดของทีมเยือน แนวรุกอย่าง ฟิล โฟเดน และ เจเรมี โดคู ก็พร้อมสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับเจ้าบ้านที่สภาพไม่สมบูรณ์ มองแล้ว แม้ซิตี้จะมีปัญหาและฟอร์มไม่สม่ำเสมอ แต่ปัญหาแนวรับของบอร์นมัธที่ขาดทั้งตัวจริงและตัวเจ็บนั้นหนักหนาสาหัสกว่า คุณภาพเกมรุกของซิตี้ยังคงน่ากลัว และน่าจะเจาะแนวรับที่อ่อนยวบยาบของเจ้าถิ่นได้ในที่สุด เชื่อว่าเรือใบสีฟ้าจะบุกมาเก็บชัยชนะและผ่านเข้ารอบต่อไปได้

สกอร์ที่คาด: บอร์นมัธ เอเอฟซี 1-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ฟันธง: ต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้เลย แม้จะมีสะดุด แต่คุณภาพยังเหนือกว่าเยอะ น่าจะผ่านได้ไม่ยาก