นิโคโล่ ซานิโอโล่ กองหน้าของ ฟิออเรนติน่า ออกมาปกป้องตัวเองอย่างดุเดือดอีกครั้ง โดยยืนยันว่าข้อกล่าวหาของ เอเอส โรม่า ที่ระบุว่าเขากระทำความผิดร้ายแรงหลายข้อนั้น "ไม่เป็นความจริง" พร้อมอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมุมมองของตนเองอย่างละเอียดผ่านอินสตาแกรม

           ก่อนหน้านี้ เอเอส โรม่า ได้ออกแถลงการณ์กล่าวหา ซานิโอโล่ ว่ากระทำความผิดหลายข้อหา ไม่ว่าจะเป็นการยั่วยุและทำร้ายร่างกายผู้เล่นเยาวชน และปัสสาวะบริเวณห้องแต่งตัวของทีม "หมาป่า" ภายหลังจบเกมรอบรองชนะเลิศของพรีมาเวร่า ยูธลีก เพลย์ออฟชิงสคูเด็ตโต้ ที่ วิโอล่า พาร์ค เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุรายละเอียดว่ามีการทำร้ายร่างกาย มัตเตีย อัลมาวีวา และผลักอย่างรุนแรงใส่ มาร์โก ลิตตี ภายในห้องแต่งตัว จนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล

           ด้วยเหตุนี้ ซานิโอโล่ จึงตัดสินใจออกมาตอบโต้เพื่อชี้แจงในมุมของตนเอง "ผมตัดสินใจที่จะไม่ย้อนกลับไปพูดถึงเหตุการณ์แย่ๆ เมื่อวันจันทร์ โดยเชื่อมั่นในความจริงและเคารพต่อตัวเอง 

           อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมถูกบีบบังคับให้ต้องอ่านและฟังการบิดเบือนและการแต่งเรื่องจำนวนมาก จากสโมสรเก่าของผม ที่ผมยังคงชื่นชมอยู่เสมอ"

           "ในแถลงการณ์ของพวกเขา มีการรายงานเหตุการณ์และรายละเอียดที่ไม่ตรงกับความจริงและห่างไกลจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง แทนที่จะวิเคราะห์ลำดับเหตุการณ์และพฤติกรรมของผู้เล่นตัวเอง แต่พวกเขากลับเลือกที่จะเน้นรายละเอียดที่ไม่สำคัญและใช้คำเปรียบเปรยเกี่ยวกับสภาพจิตใจที่ผิดปกติของผม"

           ซานิโอโล่ ยังยืนยันถึงเจตนาบริสุทธิ์ในการเข้าไปในห้องแต่งตัวว่า "ความจริงคือผมไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อแสดงความยินดีกับน้องๆ ของ ฟิออเรนติน่า และทักทายผู้เล่นจากทีมเก่าของผม โดยปราศจากอคติใดๆ น่าเสียดายที่ผมเข้าไปในห้องแต่งตัว ผมถูกต้อนรับด้วยท่าทีที่เป็นศัตรู แม้กระนั้น ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้มีพฤติกรรมก้าวร้าวทางร่างกายจากผม"

           "ผมจะไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติมในตอนนี้ เพื่อให้ความเคารพต่อการสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผมขอขอบคุณ ฟิออเรนติน่า และทุกคนที่อยู่เคียงข้างผมในช่วงเวลานี้ และยังคงสนับสนุนผมด้วยความเคารพ" ซานิโอโล่ โพสต์ทิ้งท้ายผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว

[ เกร็ดบอล 7M ]

• การที่ ซานิโอโล่ เลือกที่จะออกมาโต้ตอบผ่านโซเชียลมีเดีย แต่ก็ยังคงเคารพการสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่ แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ยังคงอยู่ในกระบวนการทางกฎหมายหรือวินัยขององค์กรฟุตบอล