อันเชล็อตติ จะเริ่มต้นบทบาทใหม่ในการคุม ทีมชาติบราซิล อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจกับ เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นการคุมทีมรอบที่สองเป็นฤดูกาลที่ 4 โดยเกมสุดท้ายของเขาในลาลีกาคือการพบกับ เรอัล โซเซียดาด ที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในวันที่ 25 พฤษภาคม

           การเข้ามาคุม ทีมชาติบราซิล ของ อันเชล็อตติ ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เนื่องจากเขาเป็นกุนซือชาวต่างชาติคนแรกที่ได้รับโอกาสนี้ แม้จะมีรายงานว่าเขาต้องการให้ทีมงานมีบุคลากรชาวบราซิลร่วมด้วย แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ตัดสินใจเลือก พอล คลีเมนต์ โค้ชชาวอังกฤษ ให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในทีมงานเบื้องหลัง

           คลีเมนต์ วัย 53 ปี เป็นที่รู้จักในฐานะมือขวาคู่ใจของ อันเชล็อตติ โดยทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาอย่างยาวนานในสโมสรชั้นนำของยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เชลซี, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, บาเยิร์น มิวนิค และ เรอัล มาดริด นอกจากนี้ คลีเมนต์ ยังเคยมีประสบการณ์เป็นเฮดโค้ชเต็มตัวกับทีมอย่าง สวอนซี ซิตี้, ดาร์บี้ เคาน์ตี้, เรดดิ้ง และ เซอร์เคิล บรูช ในลีกเบลเยียม

           แม้ว่า คลีเมนต์ จะว่างงานตั้งแต่แยกทางกับ เอฟเวอร์ตัน ในตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชเมื่อต้นปี 2023 หลังร่วมงานกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่โอกาสครั้งสำคัญก็มาถึงเมื่อ อันเชล็อตติ ตัดสินใจดึงเขากลับสู่วงการอีกครั้ง โดยมีภารกิจสำคัญรออยู่เบื้องหน้า นั่นคือการนำ ทีมชาติบราซิล ลุยศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่จะพบกับ เอกวาดอร์ และ ปารากวัย ในเดือนมิถุนายนนี้

           แหล่งข่าวยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า อันเชล็อตติ ได้ตกลงเซ็นสัญญากับสมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล (CBF) ไปจนถึงสิ้นสุดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 โดยมีเงื่อนไขในการขยายสัญญาเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับผลงานของทีมในทัวร์นาเมนต์ที่สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และแคนาดา

[ เกร็ดบอล 7M ]

• การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ คาร์โล อันเชล็อตติ และ พอล คลีเมนต์ ถือเป็นการรวมตัวของคู่หูที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายในวงการฟุตบอล ทั้งคู่มีความเข้าใจในปรัชญาการทำทีมและสไตล์การเล่นที่สอดคล้องกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่พวกเขาทำงานร่วมกันที่ เชลซี สามารถพาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ) ในฤดูกาล 2009-2010