ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ส่งผลกระทบต่อความหวังในการลุ้นพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ "หมาป่าแห่งกรุงโรม" และยังเป็นการยุติสถิติไร้พ่ายในลีกติดต่อกันที่น่าประทับใจถึง 19 นัดลงอีกด้วย

           ประเด็นปัญหาเกิดขึ้นในนาทีที่ 63 ขณะที่สกอร์ยังคงเสมอกันอยู่ที่ 1-1 เมื่อ มานู โกเน่ ปีกของ เอเอส โรม่า กระชากบอลเข้าเขตโทษทางฝั่งซ้าย ก่อนจะถูก มาริโอ ปาซาลิช กองกลางของ อตาลันต้า สะกิดล้มลง ผู้ตัดสินในสนามเป่าให้เป็นจุดโทษในทันที แต่หลังจาก VAR เข้ามาตรวจสอบภาพช้า ได้มีการเรียกผู้ตัดสินกลับไปดูจอข้างสนาม และสุดท้ายคำตัดสินก็ถูกเปลี่ยนแปลง โดยมองว่า โกเน่ เป็นฝ่ายลากขาไปชน ปาซาลิช เอง

           "สิ่งที่ผมอยากรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของคุณก็คือ มันเป็นจุดโทษหรือไม่? มันเป็นจังหวะ 60-40 หรือเปล่า? เราได้รับการบอกว่า VAR จะเข้ามาแทรกแซงก็ต่อเมื่อมีข้อผิดพลาดที่ชัดเจนเกิดขึ้นเท่านั้น" รานิเอรี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

           "เราดูแล้ว ปาซาลิช เข้าสกัดผิดจังหวะ เขาวางเท้าลงพื้นแล้วชนกับผู้เล่นของผม ดังนั้น VAR ไม่ควรแทรกแซง มันเป็นจุดโทษไปแล้ว และควรที่จะเป็นจุดโทษต่อไป"

           กุนซือมากประสบการณ์ชาวอิตาเลียนยังแสดงความเห็นถึงความไม่สม่ำเสมอในการใช้ VAR ในลีกว่า "กฎ (VAR) เปลี่ยนไปทุกเกม เรายอมรับได้ แต่น่าผิดหวังที่ไม่มีความสม่ำเสมอในลีกนี้ คุณเห็นได้ชัดว่า ปาซาลิช สัมผัสโดนตัว มานู โกเน่ ถ้าผู้ตัดสินให้จุดโทษ VAR ก็ควรเงียบ นั่นคือสิ่งที่เราถูกบอกมา"

           "ผมไม่ได้ถามว่ามันใช่หรือไม่ใช่จุดโทษ แต่ผมถามว่า VAR สามารถแทรกแซงได้หรือไม่ เมื่อมีการสัมผัสกันที่เข่าหรือข้อเท้า"

           "เรายอมรับได้ แต่ด้วยความยุติธรรมทางกีฬา เราอยากรู้ว่ากฎที่แท้จริงคืออะไร มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เราจะยอมรับแม้ไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยบอกเราให้รู้ว่ากฎเปลี่ยนแปลงแล้ว" รานิเอรี่ ทิ้งท้ายด้วยความอัดอั้น

[ เกร็ดบอล 7M ]

• จังหวะปัญหาดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหมู่แฟนบอลและนักวิเคราะห์ โดยหลายฝ่ายมองว่าการตัดสินใจริบคืนจุดโทษของ VAR นั้นไม่ชัดเจนเพียงพอ และการสัมผัสของ ปาซาลิช ที่โดน โกเน่ ก็ถือเป็นการฟาวล์ที่สมควรเป็นจุดโทษ